ร้อย.บก.บร.บก.อส.จ.แพร่ ร่วมจับกุมผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ยึดไม้ชิงชังของกลางได้ 21 ท่อน

 

 

วันที่ 23 ส.ค. 2566 เวลา 06.05 น.

 

 

นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ / ผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดแพร่ , นายธาตรี  บุญมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ / รองผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดแพร่ และนายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดแพร่  สั่งการให้ นายอชิระ ใจสุยะ ป้องกันจังหวัดแพร่  พร้อมด้วยสมาชิก อส. สังกัด ร้อย.บก.บร.บก.อส.จ.แพร่ ร่วมกับ  เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้อย ตชด.323 กก.ตชด.32(พะเยา) สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พร.5(ห้วยแก๊ต) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอร้องกวาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้อย ตชด.324(น่าน)  เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจไผ่โทน สถานีตำรวจทางหลวง 6 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่)

 

ได้ร่วมกันตรวจสอบบริเวณบนถนนทางหลวงสายห้วยโรง– บ่อหอย บริเวณสามแยกกิ่วนาค ท้องที่บ้านห้วยโรงในหมู่ที่ 4 ตำบลห้วยโรง อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ไม่พบผู้กระทำผิดผู้ต้องหาทิ้งรถแล้วหลบหนี จึงตรวจยึดของกลาง ดังนี้

 

1. ไม้กระยาเลย (ไม้ชิงชัน) ท่อน จำนวน 3 ท่อน ปริมาตร 0.37 ลบ.ม. คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐเป็นจำนวนเงิน 55,500 บาท

2. ไม้กระยาเลย (ไม้ชิงชัน) แปรรูป จำนวน 18 ท่อน ปริมาตร 2.15 ลบ.ม. คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐเป็นจำนวนเงิน 645,000 บาท

3. รถยนต์กระบะบรรทุกแบบตอนเดียว สีขาวเขียว ยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า ไม่ติดแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียน

4. ผ้าใบสี่ฟ้า-ขาว จำนวน 1 ผืน 

 โดยกล่าวหาว่ากระทำผิด ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484

มาตรา 48 ฐาน “มีไม้กระยาเลยหวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”

มาตรา 69 ฐาน “มีไม้กระยาเลยหวงห้ามอันมิได้แปรรูปไว้ในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”

มาตรา 70 “ผู้ได้รับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น จำหน่ายหรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้หรือของป่าที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าที่มีผู้ใดได้มาโดยการกระทำผิดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ มีความผิดฐานเป็นตัวกลางในการกระทำผิดนั้น”

 

จึงได้ส่งตัวผู้ต้องหาและนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไผ่โทน อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ เพื่อดำเนินคดีหาตัวผู้กระทำผิดตามกฎหมายต่อไป สำหรับไม้ของกลางและอุปกรณ์ในการกระทำความผิดได้มอบหมายให้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พร.5 (ห้วยแก๊ต) เก็บรักษาตามระเบียบต่อไป